เป็นครั้งแรกที่ Apple จัดงาน WWDC ออนไลน์ให้กับบรรดาเหล่า Developer โดยที่ทุกคน สามารถร่วมงานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ โดยปกติงาน WWDC จะเป็นงานที่ได้รับความสนใจจากบรรดา Developer และผู้คนในสายไอทีจำนวนมาก และเป็นงานที่ต้องเสียค่าเข้าร่วม หรือจับล็อตเตอรี่ และมีพื้นที่นั่งจำกัด
ซึ่งบัตรเข้างานจะขายหมดเร็วมากอย่าง ในปี 2013 บัตรเข้างานจำนวน 5000 ใบขายหมดในเวลาไม่ถึง 2 นาที ราคาบัตรล่าสุดประมาณใบละ $1599 ดอลลาห์สหรัฐ หรือเทียบเป็นเงินไทย ประมาณ 50,000 บาทเท่านั้น (โว้! นั้นมันราคาเครื่อง Macbook Pro เลยนะ) ด้วยราคาบัตรที่แพง และจำนวนที่น้อยทำให้เกิดเป็นธรรมเนียมของการร่วมงาน WWDC ว่าต้องเป็นคนที่ VIP มากๆ หรือเป็นแฟนตัวยงของ Apple ตัวจริงถึงมีโอกาสได้เข้าร่วมงานนี้
เทคโนโลยีของแอปเปิลแตกต่างจาก Google Facebook หรือ Amazon อย่างไร? Apple เป็นบริษัทที่ขึ้นชื่อเรื่องของคำว่า Privacy มากๆ อย่างน้อยก็มากกว่าบริษัทที่ผมเอยนามออกมา มีตัวอย่างจากในอดีตที่แอปเปิลถูกฟ้องร้องจากทางรัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานสืบสวน ทางด้านกฏหมายอย่างซีไอเอ หลายกรณีที่ ซีไอเอ ขอให้แอปเปิลช่วยคลายล็อค มือถือ iPhone ของผู้ต้องหา แต่ Apple ยืนยันที่จะไม่ให้ความร่วมมือเนื่องจากการกระทำเหล่านี้ขัดกับความเชื่อในเรื่องของสิทธิข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน ทำให้ทุก Technology ของแอปเปิลถูกคิดค้นขึ้นมา โดนเน้นความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งานเป็นหลัก ดังนั้นเทคโนโลยีที่นำมาแสดงในงาน WWDC2020 จึงแสดงออกมาโดยอ้างอิงความเชื่อดังกล่าว
Apple ได้เล่าเรื่อง Privacy ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ลดขนาดข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานที่ถูกจัดเก็บให้น้อยลง เก็บเฉพาะที่จำเป็นตอการใช้งานจริงๆ พยายามเก็บข้อมูลบนตัวอุปกรณ์แทนที่จะขึ้นไปเก็บบนเซิรฟเวอร์ การช่วยให้ผู้ใช้งานแอปเปิลใช้ฟีเจอร์ SignIn with Apple ในการลงทะเบียนใช้งานบนเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล และบังคับให้ทางผู้พัฒนาแอพจำเป็นต้องแจ้งว่าแอพเหล่านั้นได้ทำอะไรกับข้อมูลของผู้ใช้งานบ้าง โดยระบุเอาไว้บน App Store ให้ชัดเจนเหมือนกับการติดฉลากส่วนประกอบบนอาหารเลย
ในงาน WWDC 2020 แอปเปิลได้เน้นการเปิดตัวเทคโนโลยีทางด้านซอฟท์แวร์เป็นหลักไม่ว่าจะเป็น iOS14 iPadOS WatchOS TvOS14 และ MacOS เราลองมาดูรายละเอียดและสิ่งอัพเดตที่น่าสนใจแต่ละอย่างกันเริ่มจาก
iOS14
ระบบปฏิบัติการตัวล่าสุดบน iPhone ที่เพิ่มความสามารถของ App และการจัดการตัวเครื่องเพื่อให้ผู้ใช้งานได้เข้าถึงได้ง่ายและสะดวกขึ้น
Widget - การจัดการตัวทำได้ง่ายและหลากหลายขึ้นแอปเปิลแนะนำ Smart Stack เป็น Widget ที่ให้ข้อมูลที่เราจำเป็นต้องรู้อย่างข่าวสารในตอนเช้า แสดงผลตารางการทำงานในระหว่างวัน ช่วงเย็นอาจจะแสดงผลสรุป Activityให้ ความสามารถของ Widget บนiOS 14 นี้คล้ายกับฝั่ง Android
App Library - ฟีเจอร์นี้เป็นการจัดการแอพให้เห็นอยู่ในหน้าเดียวหน้าแรก เหมาะกับผู้ใช้งานที่มี App มากมายอยู่บนเครื่องและมักจะหาไม่เจอ ทางแอปเปิลเลยได้ออกแบบที่รวม App เอาไว้เป็นกลุ่มๆ บน App Library จะมีกลุ่มที่เรามักจใช้งาน กลุ่มที่ Download มาล่าสุด กลุ่มอื่นๆที่ถูกจัดวางเป็น Catagory
ฟีเจอร์ Picture to Picture Video - ตอนนี้เราสามารถเล่นวีดีโอแบบ Nonstop บน iOS กันได้แล้ว โดยที่ตัววีดีโอจะไม่ถูกปิดถ้ามีคนโทรเข้า หรือเราเปิด App ตัวอื่นๆไปด้วยกัน ตัววีดีโอจะลดขนาดและเล่นอยู่ในมุมมุมหนึ่งบนหน้าจอ
Map - ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด และแผนที่มีความละเอียดขึ้นมาก บางสถานที่ยังเพิ่ม Indoor Map เข้าไปด้วยโดยเฉพาะสยามบิน สถานีรถไฟหรือ ตึกขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับ Subway สิ่งที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของบริษัทแอปเปิล บริษัทที่ค่อนข้างซีเรียสเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม นั้นก็คือ บน Map เราสามารถเลือกการเดินทางโดยใช้รถจักรยานได้ ระบบก็จะบอกเส้นทางที่สามารถปั่นจักรยานได้ทันที นอกจากนี้บนแผนที่ยังสามารถแสดงผลสถานที่สำหรับชารท์ไฟสำหรับรถ EV ด้วย สมกับเป็นแอปเปิลจริงๆครับ
App Clip - ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบด้วยแนวคิดของความสะดวกสบาย และความรวดเร็วในการเปิดแอพที่เราไม่ได้ Install ลงไปในเครื่อง ยกตัวอย่างสถานการณ์ เราเห็นจักรยานที่ให้เช่าผ่าน App หนึ่งแทนที่เราจะต้องมาค้นหา ว่าใช้แอพอะไรเพื่อท่ีจะเช่า เราสามารถ Scan QR Code นั้นและแอพที่ให้ให้บริการก็เปิดขึ้นมาโดยที่เราไม่ต้อง Install ลงเครื่องเลย เราสามารถใช้ระบบเช่าได้ทันทีผ่าน App Clip และการตัดจ่ายเงินก็จะใช้ Apple Pay ที่แยกไปอยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องกังวลในความปลอดภัย ทั้งนี้ทาง Apple แจ้งให้ Developer ทราบว่าระบบ AppClip นั้น App ที่มีฟีเจอร์นี้จะต้องเขียนโค็ดขนาดเล็กไม่เกิน 10MB เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเปิดใช้ด้วยความรวดเร็ว เป็นแนวคิดที่ยอดเยี่ยมมากครับ
iPadOS
ระบบปฏิบัติการที่ถูกออกแบบมาสำหรับการทำงานบนเครื่องไอแพดโดยเฉพาะ นอกจากหน้าจอที่กว้างกว่า iPhone และสามารถทำงานควบคู่กับ Apple Pencil ทำให้ iPadOS ต้องแยกออกมาจาก iOS ซึ่งในอดีตนั้นถูกมองเป็นเครื่องเดียวกันกับ iPhone แค่หน้าจอใหญ่ขึ้น
Sidebar - นอกจาก iPadOS ที่สามารถใช้งานฟีเจอร์ iOS14 ได้ทั้งหมด ยังเพิ่มการออกแบบโดยใช้การทำงานแบบ Sidebar เพื่อการจัดการให้คล้ายกับลักษณะบนคอมพิวเตอร์มากขึ้น เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการจัดการ
Siri - ที่ฉลาดขึ้น และเก่งขึ้นในการเป็นผู้ช่วยจัดการงานต่างๆโดยที่ผู้ใช้สามารถใช้การสั่งงานด้วยเสียง
Universal Search - การค้นหาที่ถูกออกแบบใหม่หมด ทำให้ค้นเจอสิ่งที่เราต้องการได้อย่างง่ายดาย แถมรวมไปถึงการค้นหาคำเฉพาะบนเว็บไซต์ด้วย
Apple Pencil - เปิดตัวฟีเจอร์ Scribble ใช้เทคโนโลยี Machine Learning ช่วยให้ผู้ใช้งานแสดงภาพรูปทรงเลขา เส้น ลูกศรได้ ได้ทันที ยกตัวอย่าง ผู้ใช้งานวาดรูปเส้นตรงทาง App จะช่วยเปลี่ยนภาพสามเหลี่ยมที่เบี้ยวๆ ที่ถูกวาดขึ้น ให้กลายเป็นภาพสามเหลี่ยมทรงเลขาคณิตได้ทันที นอกจากนี้เรายังสามารถจัดการ ตัวอักษรที่เราเขียนเอาไว้ โดยจัดการให้เป็นแบบ Text เหมือนตอนที่เราพิมพ์ได้ทันที รองรับลายมือภาษาอังกฤษและจีน เราเขียนเว็บไซต์ระบบก็จะทำเป็นลิงค์ให้ทันที
Airpod Software - อัพเกรด Firmare เพื่อพัฒนาระบบการ Switch ไปใช้งานเครื่องอื่น แอปเปิลรู้ว่า ผู้ใช้งานมีอุปกรณ์แอปเปิลอยู่หลายตัว ดังนั้นการ Switch เสียงไปใช้งานในอุปกรณ์แต่ละตัวก็จะทำได้เลยแบบอัติโนมัติ
Airpod Pro - ประบปรุงระบบเสียงรอบทิศทาง โดยคำนวณจากการเคลื่อนไหวของศรีษะผู้ฟัง และตำแหน่งของอุปกรณ์ที่เล่น ทำให้เกิดเป็นเสียงรอบทิศทางที่เสมือนจริงที่สุด แอปเปิลเรียกว่า Spatial Audio
Apple Watch (WatchOS7.0)
มีระบบ FaceSharing ที่สามารถแชร์หน้าจอนาฬิกาได้ง่ายขึ้น
App แผนที่ที่อยู่บน Apple Watch ยังแสดงผลเส้นทางจักรยานได้ละเอียดขึ้นมาก ระบุถึงว่าเส้นทางไหนที่เราต้องยกจักรยานขึ้นบันได
การปรับปรุง Workout App ที่เพิ่มการออกกำลังกายประเภท Dance หรือการเต้นรูปแบบต่างๆเข้าไปด้วย
การปรับปรุงการนอน หลับได้ดีขึ้นด้วยการแจ้งเตือนการเข้านอน การวัดค่าต่างๆในการนอนด้วย App Sleep
HandWashing เป็น App ที่ช่วยให้เราได้ล้างมือ แบบสะอาดหมดจด ตัวแอพจะนับถอยหลังเวลาสำหรับการล้างมือ เพื่อสุขอนามัย เหมาะมากกับสถานการณ์ไวรัสที่ระบาดในปัจจุบัน
Home Kit
แอพสำหรับจัดการระบบ Smart Home สิ่งที่น่าสนใจคือ Apple ได้เปิดหลังบ้าน Open Sauce ให้อุปกรณ์ SmartHome ต่างๆเข้ามาเชื่อมต่อระบบ Home Kit ได้ง่ายขึ้น และจะทำให้การ Setup อุปกรณ์ที่มีความหลากหลายรวมอยู่ในที่เดียวกัน
Adaptive Lighting - เป็นการจัดการระบบไฟอัจฉริยะที่สามารถปรับค่า ปรับสี ตามช่วงเวลาของวันได้
Security Camera - เพิ่มฟังค์ชั่นโดยการจดจำใบหน้า และกำหนดบริเวณการแจ้งเตือนทำได้ง่ายขึ้น
MacOS ได้เปิดตัวระบบปฏบัติการล่าสุด โดยใช้ชื่อว่า Big Sur
เปลี่ยนมุมมองให้คล้ายกับ iOS ให้มีความโปร่งใส่และมีมิติมากขึ้น
Safari ที่ติดตั้งมาใช้งานได้เร็วขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น สามารถกำหนดค่าการใช้งาน Extension โดยอนุญาตให้เฉพาะบนเว็บไซต์ที่กำหนด หรือตามช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น
Maps สามารถปักหมุดร้านกาแฟที่เราไปประจำได้และแชร์ตำแหน่งต่างๆให้คนอื่นได้ทันที
Apple Silicon - ขุมพลังใหม่ของแอปเปิล
แอปเปิลได้เตรียมเปลี่ยนมาใช้งานชิพประมวลผลจากเดิมที่ใช้ชิพเซ็ตของ Intel เปลี่ยนมาเป็นของ Apple โดยตรงเองเลย การเปลี่ยนแปลงชิพครั้งนี้ส่งผลให้แอพเปิลยกระดับเทคโนโลยีการมวลผลของชิพบนโน็ตบุ๊คขึ้นไปอีกขั้น เพราะด้วยแนวคิดที่นำเอาชิพที่ใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่บน iPhone หรือ iPad นำชิพนั้นมาใช้งานบนโน็ตบุ๊ค ก็จะทำให้ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและใช้พลังงานที่น้อยลงไปด้วย
ชิพที่เราใช้บนมือถือนั้น เราเรียกว่า SOCs ซึ่งย่อมาจาก System on Chips ซึ่งในชิพเซ็ตเหล่านี้ก็จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆเช่น หน่วยประมวลผลหลัก (CPU) หน่วยผระมวลผลกราฟฟิค(GPU) หน่วยเร่งประมวลผลปัญญาประดิษฐ์(NPU) หน่วยความจำ(RAM) รวมถึงอุปกรณ์รับข้อมูล(Modem)ด้วย
Apple กำลังสร้างและออกแบบChipset เหล่านี้โดยเรียกว่า “Family of Mac SoCs” ทำให้ Macbook ที่จะออกมาในอนาคต นั้นจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เร็วขึ้น แรงขึ้น และกินไฟน้อยลง
แอปเปิลบอกว่าจะใช้เวลาในการเปลี่ยนถ่ายไปใช้ Apple Silicon ภายในช่วง 2 ปีนี้ ในระหว่างนี้ ทางเหล่านักพัฒนาสามารถที่จะใช้งาน MacMini ที่ติดตั้งชิพเซ็ต “Apple's A12Z Bionic SoC” เพื่อเป็น Hardware สำหรับทดสอบโปรแกรมกันได้แล้ว
เราน่าจะได้ใช้งาน Macbook ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในปี 2022 ตอนนี้ก็ถนอม Macbook ตัวเก่าของเรากันไปก่อนนะครับ และนี้เป็นทั้งหมดสำหรับงาน WWDC2020 ที่ผมนำมาเล่าให้ฟัง สามารถฟังผ่าน Podcast ได้ในลิงค์ด้านล่างครับ
ฟัง Noonnum Podcast EP81 WWDC2020 ได้บน Spotify:
ฟัง Noonnum Podcast EP81 WWDC2020 ได้บน SoundCloud:
อย่าลืมกดติดตามกดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจกันด้วยนะครับ
コメント