การทำการตลาดดิจิตอลในปัจจุบันนี้ คงหนีไม่พ้นการสร้างเนื้อหาให้เป็นประโยชน์กับผู้ฟัง เพื่อเป็นการแสดงตัวตนของธุรกิจของเราให้ปรากฏ หรือเป็นที่รู้จักในสายตาของลูกค้า เราเรียกว่า Customer Awareness ขั้นตอนนี้เป็นการเปลี่ยนสถานะของ คนที่ไม่รู้จักกันเป็นแฟนพันธ์แท้ของธุรกิจเรา
เป้าหมายของ StoryTelling คือ การเชื่อมโยงผู้คน โดยการแบ่งปัน ช่วยเหลือ หาวิธีการ มาเล่าให้พวกเขาฟัง เนื้อเรื่องที่ดีไม่ควรเป็นเรื่องของตัวเอง ประวัติธุรกิจ หรือ บอกแค่ว่าเราเป็นใคร เรื่องราวเหล่านี้ควรจะมาจากข้างใน
เข้าใจและทำความรู้จัก Golden Circle Rule ของ Simon Sinek นักเขียนนักเล่าเรื่องผู้ให้แรงบันดาลจากเวที Ted Talk หรือที่หลายคนรู้จักเขาในหนังสือ Start with Why
โดยพื้นฐานของธุรกิจทั่วไปนั้น บริษัทมักจะเล่าเรื่อง หรือแสดงให้ลูกค้าเห็นว่า สินค้าและบริการของพวกเขา นั้นดีกว่าหรือแตกต่างกว่า คู่แข่งอย่างไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น บริษัทขายมือถือส่วนใหญ่ มักจะกล่าวอ้างว่า โทรศัพท์รุ่นใหม่ของพวกเขา ดีอย่างนี้ มีเทคโนโลยีใหม่อย่างนั้น เร็วกว่า แบตอีดกว่า หรือ สามารถเล่นเกมส์ได้ดีกว่ามาก ซึ่งแตกต่างกับบริษัท ระดับโลก อย่าง Apple ,Facebook Google ,หรือ Amazon บริษัทใหญ่ๆเหล่านี้มัก จะเริ่มจากการเล่าเรื่อง ด้วย “Why” หรือ พวกเขามีความเชื่ออะไร ทำไมเขาถึงลงมือดำเนินธุรกิจนั้น
ผมขอยกตัวอย่าง บริษัท Apple สตีฟ จ๊อบ เริ่มต้นเล่าให้พวกเราฟังว่า “ผมมีความเชื่อ และชื่นชม คนที่มีความคิดต่าง ไม่ยึดติดในกรอบอยู่เสมอ (Why) พวกเราเลยหาทางคิดค้นเครื่องมือเพื่อช่วยให้ผู้คนเหล่านั้นทำงานได้ง่ายขึ้น (How) จากความพยายามเหล่านี้ผมขอแนะนำให้รู้จัก Mac Book Pro สุดยอดนวัตกรรมโน๊ตบุ๊ค เรานำเทคโนโลยีล่าสุดประกอบเครื่องนี้ออกมา โดยเราออกแบบโดยเน้นความแตกต่าง เพื่อให้เป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ กลุ่มคนพิเศษแบบคุณโดยเฉพาะ (What) และนั้นคือวิธีการเล่าเรื่องของบริษัทอันดับหนึ่งของโลก
เรากลับมามองและเปลี่ยนการเล่าเรื่องโดยเริ่มต้นที่ ทำไมคุณถึงทำธุรกิจนี้ แล้วคุณมีวิธีการอย่างไรในการแก้ปัญหา และอะไรหล่ะคือบริการและสินค้าของคุณ การเริ่มต้นที่มุมมองแบบนี้ จะทำให้คอนเทนต์หรือเรื่องเล่าของเรา กระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกของ Audience ของเราได้ครับ
แล้วในเรื่องเล่าควรจะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
ในเรื่องเล่าที่น่าสนใจ มักจะต้องมีองค์ประกอบหลักๆ แบ่งเป็นสามส่วน ดังนี้
1. Character ตัวดำเนินเรื่อง ทุกเนื้อเรื่องควรมีตัวละครหรือตัวเอก ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่หนึ่งคือ ตัวเองหรือตัวผู้เล่าเอง นำเสนอเนื้อเรื่องโดยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านมุมมองตัวเอง หรือว่าจะเป็นบุคคลที่สองคือ ผู้อ่านหรือ ตัวเขา-ตัวเธอก็ได้ เรื่องเล่าต่างๆที่อาจจะมีการอ้างถึง ผ่านมุมมองบุคคลที่สอง ส่วนมุมมองยุคคลที่สาม มักจะเป็นการวิจัย หรือเขาเล่าว่า อาจจะมาจากการอ้างอิงมาจากหนังสือหรือแหล่งที่สามารถอ้างอิงได้
2. Conflict หรือปัญหาที่พบโดยทั่วไป ที่คนส่วนใหญ่เจอหรือเป็นปัญหาคลาสสิคที่เราก็เป็น ยกตัวอย่างปัญหา บริการซักผ้ามันแพงเรามีเวลาแต่ค่าใช้จ่ายในการ ซื้อเครื่องซักผ้าที่เอามาสักแค่คนเดียวมันไม่คุ้ม ส่งซักก็แพงเหลือเกิน ต้องรออย่างน้อยหนึ่งวันเพื่อตามคิว หรือปัญหาการสั่งพิซซ่าว่าสั่งมาแล้วไม่อร่อยเหมือนกินที่ร้านบ้าง บางทีก็ส่งช้าเหลือเกิน ที่มาของปัญหาส่วนใหญ่ มาจากสิ่งทีคนทั่วไปพบเห็น
3. Solution หรือทางออกของปัญหานั้นๆ จากปัญหาว่าอยู่คนเดียวไม่อยากซื้อเครื่องซักผ้า ก็จะมาเป็นเดี๋ยวนี้มีการติดตั้งตู้หยอดเหรียญสำหรับ หอพัก หรือ ตามคอนโดต่างๆ ลดค่าใช้จ่าย ซึ่งมีราคาถูกกว่า หรือในมุมของการสั่งพิซซ่า ที่อเมริกา ก็มีการสั่ง Pizza บนโทรศัพท์และ จัดส่งโดยรถที่ติดตั้งเตาอบ ทำให้ได้พิซซ่าที่หอมกรุ่นยิงตรงมาถึงมือลูกค้าในเวลาไม่เกิน 5 นาทีตั้งแต่สั่ง ก็เป็นทางออกของปัญหาต่างๆได้
ถ้าเนื่อเรื่องมีครบทั้งสามส่วนนี้ เราก็สามารถที่จะนำเนื้อเรื่องเหล่านั้นเติมเข้าไป ในคอนเทนต์ของเราได้ครับ เริ่มต้นด้วย Mindset ในการเล่าเรื่องให้ถูกต้อง และนำองค์ประกอบทั้งสามส่วนไปปรับใช้ในคอนเทนต์ของเราได้เลย
สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านไหน อยากปรึกษาเราเป็นพิเศษในการทำการตลาดออนไลน์ เน้นการเล่าเรื่องของธุรกิจก็สามารถติดต่อพวกเรา หนุนนำ(Noonum ) ได้ที่ลิงค์นี้นะครับ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
เนื้อหาโอเคเลยครับ เดี๋ยวผมจะลองไปทำดูบ้าง